หนังโดดเด่น ของปีที่ผ่านมามีคนพูดถึงมากอย่างเรื่อง Glass

หนังโดดเด่น หนังที่โดดเด่น ของปีที่ผ่านมานี้นั้น ก็มีมาหลายเรื่องเหมือนกัน ผมจะหยิบยก หนังที่เด่นมาตอนต้นปี ก่อนที่จะฉายนั้น ก็มีคนพูดถึงมาก อย่างเรื่อง Glass คนเหนือมนุษย์
หนังโดดเด่น ขอทำความเข้าใจ กับคนดูก่อนจะเล่านะครับ ถ้าคุณนั้นต้องการ ที่จะดูฮีโร่แอคชั่น อย่าได้หวังว่ามันจะเหมือน หนังมาร์เวลเลยครับ ให้คุณเข้าใจก่อนว่า หนังเรื่องนี้ มันจะออกมาเรียลนิด ๆ ดาร์กหน่อย ๆ โดยใน Glassนั้น จะเป็นหนังภาครวม ซึ่งแปลว่ามันมีจักรวาล ของหนังเรื่องนี้ครับ โดยจะเป็นตอนที่ เดวิด ดันน์ (บรูซ วิลลิส) มนุษย์กระดูกเหล็ก กับ เควิน (เจมส์ แม็คอวอย) มนุษย์ 24 บุคลิก แสนอันตราย
ทั้งคู่ถูกจับมาที่ รพ.จิตเวศ ได้รับการรักษา และเช็คอาการโดย ดร. เอลลี สเตเปิล (ซาราห์ พอลสัน) โดยดร.นั้น คิดจะรักษาพวกเค้า จากอาการที่คิดว่า เป็นอาการที่หลงผิด ว่าตัวเองนั้น มีพลังพิเศษโดยที่มีอีกคนอย่าง อีไลจาห์ กลาส (แซมมวล แอล แจ็คสัน) เค้านั้นคือ อดีตคู่ปรับของดันน์ ที่กำลังวางแผน ที่จะให้พ่อฮีโร่ และจอมวายร้าย ฉะกันอย่างนองเลือด บนตึกสูงภายในเมือง
Glassนั้น เป็นโปรเจคต์ในฝัน ของเจ้าพ่อหนังหักมุมอย่าง เอ็ม ไนต์ ชยามาลาน โดยเอาจริง ๆ แล้วตั้งแต่เรื่องของ ดันน์ก็เริ่มมา 10 กว่าปีแล้วครับ จากเรื่อง Unbreakable ส่วนเควินนั้น ก็มีหนังเดี่ยวอย่าง Split บาคาร่าขั้นต่ำ 10 บาท
โดยใน Glassเป็นเรื่องราว ที่ต่อมาจาก UnbreakableและSplit เป็นหนังที่ถอดมาจาก การ์ตูนคอมมิก ตัวหนังนั้น ก็เป็นหนังที่ทำออกมา สไตล์ของชยามาลาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ มุกตลกต่าง ๆ และตลกร้าย เสียดสีสังคม ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น หนังก็ดูสนุกดีนะครับ
แต่ถ้าให้พูด ก็อาจจะเฉพาะกลุ่ม อยู่พอสมควรครับ โดยแก่นหลักของเรื่อง ก็จะพยายามที่จะแสดง ถึงตัวตนของคน ยอมรับได้เลยว่า ทักษะในการนำเสนอของเค้านั้น ดีสุดยอดจริงครับ ไม่ว่าจะเป็นมุมของ ฮีโร่อย่างดันน์
หรือว่าตัวสัตว์ร้ายอย่าง เควินครับ รวมไปถึง การใช้ตระกะของคอมมิก ทรอดแทรกเข้ามาในหนัง เรียกได้ว่า ทำออกมาได้คมคาย ใช้ได้เลยจริง ๆ ซึ่งถ้าเกิดมองดูให้ลึก ๆ แล้วนั้น กลาส ถ้าเราดูคอมมิก ไปในทาง เรื่องประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง
แต่ว่ารัฐบาลนั้น ไม่อยากให้ คนส่วนใหญ่ มั่นใจว่าเกิดเรื่องจริง แถมพวกเขานั้นยัง ยัดเยียดใส่ร้ายไปที่ ดันน์ เควิน แล้วก็ กลาส ให้เป็นเพียงแค่ กลุ่มคนวิกลจริต ก็ไม่ได้มีความแตกต่าง ไปจากรัฐบาล ที่มีความเผด็จการ พวกคนที่ มีความคิดเห็นต่าง หรือคนเสนอคำถาม
หนังโดดเด่น กับการจัดการประเทศ บ้านเมือง กระทั่งตรรกะที่ มองพร่ำเพ้อกลับไปเบา ๆ แข็งแรงด้วยแมสเสจ ที่หนังกำลังเอ๋ยถึง อย่างมั่นใจนั่นเอง เนื่องจากว่านักแสดง แสดงให้เห็นถึง ชนหมู่น้อย ไม่ว่าจะทั้ง คนผิวสี ชนพื้นเมือง หรือคนต่างชาติ
ก็ไม่ต่างอะไรจากความเป็นจริง ที่พบได้ทั่ว ๆ ไปในสังคมทั่วโลกเลย ซึ่งก็ทำให้ Identity ตัวตน ที่หากแม้ในเรื่องนี้ จะแทนค่าว่า วีรบุรุษ เช่นดันน์ , อสูรร้ายอย่างเควิน หรือ จอมเผด็จการอย่างกลาส แปลงเป็นข้อความสำคัญ
ที่หนังนั้น ต่อยอดถึงกับขนาด ไปเอ่ยถึงอำนาจ ของแต่ละคน ที่กล้าลุกขึ้นมา เปลี่ยนแปลงประเทศ บ้านเมือง ซึ่งนั่นก็นับว่า เป็นหัวข้อการเมือง ที่ร่วมยุค ชยามาลานก็เลือกจะเล่า ในสมัยรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ข้างหลัง The Village หนังคลาสสิค
ที่ชยามาลานเอ่ยถึง ว่าการปกครอง ในแบบความหวาดกลัว ในยุคของ จอร์จ ดับเบิลยู บุช แสดงให้เห็นว่า ภายใต้หนัง ที่ดูราวกับว่ารวมจักรวาล ของวีรบุรุษ ให้แปลงเป็นงานศิลปะ ผ่านบนแผ่นฟิล์ม แล้วถามกลับไป ทางสังคมได้อย่างสุขุม และดีเลยทีเดียวครับ
แต่ว่ามองเห็นผมนั้น พินิจพิจารณา เรื่องการบ้าน การเมืองในหนัง ก็อย่าเพิ่งจะคิดว่า หนังออกมาคร่ำเคร่ง น่าเบื่อ น่าระอานะครับ ตรงกันข้ามเลย ในหนังมีมุกตลก ๆ หลากหลายเลย ซึ่งจำนวนมาก มาจากจอมลักขโมยซีนอย่าง เจมส์ แม็คอวอย
ในบทของ เควินและก็เหล่า ตัวตนทั้ง 24 ตัวตน ได้แบบว่า มีชีวิตชีวา ส่วนบรูซ วิลลิส ก็ทำให้พวกเราหายนึกถึง ด้วยบทหรู ๆ อย่างเดวิด ดันน์ วีรบุรุษศาลเตี้ย ที่แม้ว่าจะ แก่ลงไปหน่อย แม้กระนั้นความเก๋ไก๋นั้น มิได้ลดน้อยลงเลย
หรือจนถึง ผู้ที่นับว่า เป็นที่มาของเรื่องอย่าง แซมมวล แอล แจ็คสัน ก็ทำให้ตัวละคร กลาส ที่เสมือนกับ ด้านตรงกันข้ามของ นิค ฟิวรี่ ที่มองเฉลี่ยวฉลาด เดามิได้จนถึงหนัง มองบันเทิงใจมากมาย และไม่พูดถึงมิได้ เป็นการปรากฏตัว
ของน้อง อันยา เทเลอร์จอย ที่ออกมาแต่ละครั้งนั้น ทำให้ดวงใจบาง ๆ ดวงนี้ สั่นไหวมากมาย ทั้งยังงาม สวย หุ่นทรมานจิตใจชาย แถมยังแสดงได้ดี กระทั่งพวกเรานั้น เชื่อเลยว่า แม้กระทั่งจะเป็นอสูรก็ยอม ถ้าเกิดได้สนิทสนม
กับน้องจอยคนนี้ ฮรี่ ๆ ตอนจบคือแบบ หักมุมมากอ่ะ รู้สึกเสียดายมาก ที่หนังนั้นจบในภาคจัง สำคัญเลย ที่จะทำให้ท่านเพียงพอ จะมีอารมณ์ร่วมไปกับ หนังเรื่องนี้ได้บ้าง ถ้าเกิดได้โอกาส ก็ต้องการให้ ผู้ที่ยังไม่เคยลองดู Unbreakable และก็ Split
ได้โอกาสเปิดใจ ลองดูหนัง ก่อนที่จะไปดูGlass อีกสักหนึ่งครั้ง ในที่สุดคุณก็จะพบว่าGlass ไม่ใช่หนังที่แย่มากมาย เพียงแต่ว่า ในบางครั้งนั้น ก็อาจจะไม่ใช่สไตล์ หนังวีรบุรุษฮีโร่ ที่กระจัดกระจาย ฉายแบบตลาดทั่วไป ที่เห็นอยู่เวลานี้ ต่างหากหล่ะครับ